เทคนิคการสอบสัมภาษณ์
1.         อะไรคือสิ่งที่ผู้เข้าสอบสัมภาษณ์คาดหวังไว้
ตอบ       1. ได้รับการปฏิบัตอิย่างสุภาพ
2. มีโอกาส และเวลามากพอที่จะพูดในสิ่งที่ต้องการพูด
3. ข้อดีและข้อเสียจะถูกบันทึกไว้เพื่อการให้คะแนน
4. อาจจะต้องใช้เวลาและความคิดอย่างมากเมื่อถูกถามด้วยคำถามยากๆ  
5. ผู้สัมภาษณ์ไม่ควรตัดสินใจอะไรจนกว่าจะเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์
2.         ในขณะเดียวกันผู้สัมภาษณ์ก็จะคาดหวังจากผู้สมัครดังนี้
ตอบ       1.  ผู้สมัครมีความตั้งที่จะทํางานในตําแหน่งนั้นจริงและตั้งใจจะทําการสอบสัมภาษณ์เป็นอย่างดี  
2. ผู้สมัครมีความซื่อตรงต่อคําถามที่ถูกถาม ไม่พูดเท็จ  
3. ผู้สมัครมีความสุภาพเรียบร้อยและตั้งใจฟังคําถาม
4. ผู้สมัครมีความสามารถตอบคําถามอะไรก็ได้ที่ผู้สัมภาษณ์จะถาม
3.         การหาความรู้เกี่ยวกับงาน
ตอบ    วิธีหาความรู้ง่าย ๆ คือ หาเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องมาอ่าน ติดตามเรื่องของ(หน่วยงาน)  ที่ 
ปรากฏในหนังสือพิมพ์รายงานประจําปีความเห็นของคนที่อยู่ในสาขางานนั้นๆรวมทั้งคู่แข่งด้วย  และในปัจจุบันนี้  ยิ่งสะดวกง่ายดายขึ้นโดยการค้นหาจากเว็บไซต์ของหน่วยงาน หรือหน่วยงานนั้นๆ
4.         การเตรียมพูดถึงความสามารถของผู้สมัคร
ตอบ       เป็นเรื่องที่สําคัญที่สุดที่ผู้สมัครต้องทำ  โดยอาจจะทําการ์ดขนาด   3" x 5" ด้านหนึ่งให้เขียน
สิ่งที่ผู้สมัครต้องการให้ผู้สัมภาษณ์รู้เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร  5  อย่าง อีกด้านหนึงให้จดค ําถามที่ผู้สมัครต้องการถามผู้สัมภาษณ์ในระหว่างการสัมภาษณ์เอาไว  ้5  ค ําถาม เอาไว้ให้พร้อม และซ้อมถาม ซ้อมตอบคําถามต่าง ๆ ทั้ง10 ข้อนี้ ให้คล่องแคล่ว ให้บิดามารดาหรือคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทฟังการถาม-ตอบ ของผู้สมัครและแก้ไขตามที่เขาวิจารณ์
5.         หัวข้อประเมินผู้เข้าสัมภาษณ์
ตอบ       1.  สุขภาพและสภาพร่างกาย ดูจากความแข็งแรง สภาพร่างกายที่ปรากฏ กริยา ท่าทาง
ความสามารถในการฟัง สายตา การแต่งกาย น้ำเสียง ฯลฯ แต่มิใช่ว่าจะสําคัญไปหมดทุก ๆ อย่าง
ขึ้นอยู่กับว่าตําแหน่งงานที่เปิดรับ ว่าต้องการคุณลักษณะทางกายเป็นพิเศษอย่างไรบ้าง
2. ความสําเร็จดูจากผลการศึกษาและประสบการณ์ที่ผ่านมา
3. ความฉลาดและไหวพริบ เป็นสิ่งที่ดูกันยาก อาจใช้ทดสอบเชาว์ปัญญา แต่ส่วนใหญ่แล้ว
จะดูจากความสามารถเข้าใจการเรียนรูสิ่งใหม่ๆ ได ้และแนวโน้มเรียนรู้งานว่าเร็วหรือช้าเพียงใด
4. ความถนัด ดูจากความสามารถที่จะพัฒนาทักษะทางด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงาน เช่น การ
ใช้เครื่องมือเครื่องกลในการทํางาน   การคํานวณ ฯลฯ
5. ความสนใจดูจากประสบการณ์และทักษะที่ผู้สมัครมีผู้สมัครอาจรู้สึกว่าความสนใจของตนไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน แต่ผู้สัมภาษณ์กลับสนใจที่จะถามสิ่งนั้นด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น ต้องการดูว่ามีทักษะที่จะเป็นประโยชน์กับงานหรือเปล่า ยกตัวอย่างหากผู้สมัครเคยสนใจเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษามีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินให้สโมสรนักศึกษาก็อาจทํางานเกี่ยวกับงานพัสดุหรือทําบัญชีได้ดี
เป็นต้น  
6. กิจกรรมในยามว่าง ดูจากวิธีการหาความสมดุลในชีวิตประจําวัน เช่น การกีฬา และงานอดิเรกว่ามีผลต่องานเพียงใด  เช่น หากผู้สมัครเป็นนักกีฬาทีมชาติต้องไปฝึกซ้อมบ่อย ๆ แต่งานที่ ผู้สมัครไว้ไม่เกี่ยวข้องกับงานกีฬาก็เป็นเรื่องที่ผู้สัมภาษณ์ต้องคิด
7.  เหตุการณ์สําคัญในชีวิต เป็นเรื่องยากเรื่องหนึ่งที่จะใช้วัดคน แต่ก็เป็นประโยชน์แก่ผู้
สัมภาษณ์มากทีเดียว  เช่น ผู้สมัครอาจเคยทําความสำเร็จความล้มเหลวปัญหาที เคยประสบหรือ
เหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิต สิ่งเหลานี้อาจมีผลเกี่ยวโยงต่องานที่จะให้ผู้สมัครรับผิดชอบด้วย
นอกจากนี้แล้วผู้สัมภาษณ์จะพิจารณา  อายุ   แหล่งที่อยู่   สภาพครอบครัว    สิ่งแวดล้อมรอบ ๆตัว   อารมณ์ความเครียดและความก้าวร้าว ซึ่งเป็นตัวชี้ว่าผู้สมัครสามารถทํางานกับผู้อื่น  ได้ดีหรือไม่เพียงใดมาเป็นเครื่องพิจารณาด้วย อาจจะไม่มีคำถามเฉพาะในเรื่องนี้  แต่ผู้สัมภาษณ์อาจวัดความเหมาะสมได้จากสิ่งอื่นๆ  ที่ผู้ตอบแสดงออกมาประกอบด้วย
6.         การปฏิบัติตัวหน้าห้องสอบ
ตอบ    การตรงต่อเวลาเป็นเรื่องสําคัญ ต้องแน่ใจว่าท่านถึงห้องสอบทันเวลา หากมาให้ทันเวลาไม่ได้ให้โทรศัพท์แจ้งผู้สัมภาษณ์โดยด่วน อธิบายเพียงสั้นๆว่าเกิดอะไรขึ้น จะสายไปนานเท่าไรขณะที ผู้สมัครนั่ง คอยเจ้าหน้าที่เรียกตัวเข้าสอบ ให้มองดูรอบๆ ตัวอาจได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานได้มากขึ้น เช่น บรรยากาศในการทํางาน ระเบียบวินัยการประชาสัมพันธ์  เป็นต้น อย่าพยายามชวนเจ้าหน้าที่หรือเลขานุการ หรือใครต่อใครในสำนักงานคุยนานเกินไป เขาอาจไม่มีเวลาว่างและรู้สึกรําคาญ อย่าตื้อสอบถามเกี่ยวกับตัวผู้สัมภาษณ์ สิ่งที่ผู้สมัครทําไปอาจถูกรายงานให้ผู้สัมภาษณ์ทราบ ควรสุภาพอ่อนน้อมต่อทุก ๆ คนที่พบ พนักงานท่าทางใจดีที่เจอในลิฟท์และช่วยกดลิฟท์ให้ท่านอาจเป็นประธานหน่วยงาน แทนที่จ ะเป็นพนักงานประจําลิฟท์ก็ได้
หากผู้สมัครสมัครงานทางจดหมาย ในวันนัดสัมภาษณ์  เจ้าหน้าที่อาจยื่นใบสมัครให้กรอกใหม่  กรณีเช่นนี้  ถ้าผู้สมัครได้เตรียมสาระสำคัญที่ต้องกรอกใบสมัครเอาไว้ก่อนล่วงหน้าตามที่ได้ทําแบบฝึกหัดเอาไว้แล้ว จะทําให้ผู้สมัครกรอกได้ง่ายและไม่เสียเวลา และเป็นภาพที่ดีตัวผู้สมัครเองด้วย
7.         ภาษากายในการสอบสัมภาษณ์
ตอบ    ภาษากายมีความสำคัญในการสอบสัมภาษณ์มากในปัจจุบันหลักสูตรการฝึกอบรมด้านการ
บริหารและการสัมภาษณ์มักบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับ "ภาษากาย"  และการแปลความหมายเอาไว้ด้วย  ฉะนั้น
1. ผู้เข้าสอบสัมภาษณ์อย่าพูด โกหก หรือเสแสร้งใดๆ
2.ผู้สัมภาษณ์ต้องการเห็นผู้สมัครมีความเชื่อมั่น เพราะผู้มีความเชื่อ  มั่นย่อมตอบคําถามและให้ข้อมูลแก่ผู้สัมภาษณ์ด้วยการแสดงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และโต้ตอบปัญหาต่างๆ  วิธีลดความตื่นเต้นและสร้างความเชื่อมั่น คือหาความรู้เกี่ยวกับคนในหน่วยงานนั้นและซ้อมการถามตอบสัมภาษณ์กับ   เพื่อนสนิท ถ้าไม่สามารถหาเพื่อนมาช่วยได ้ ให้ใช้เทปอัดเสียงพูดของผู้สมัคร อย่าหยุดแม้จะพูดได้ไม่ดี  อย่าลบเทปทิ้ง แล้วอัดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะฟังแล้วไม่ชอบใจ แต่ให้ฟังเหมือนกับว่าผู้สมัครฟังเสียงใครอยู่ก็ไม่รู้  ลองวิจารณ์ว่าเสียงน่าสนใจและเชื่อได้หรือไม่ ให้ฝึกจนกว่าจะพอใจ และไม่ว่าจะฝึกกับเพื่อน หรือฝึกกับเทป อย่าใช้บทพูด คนเราไม่จําเป็นต้องพูด เหมือนกันทุกครั้ง  ทุกครั้งที่ท่านพยายามพูดเหมือนเดิมแต่ใช้คําพูดแตกต่างออกไปจะทําให้ผู้สมัครเพิ่มความมั่นใจขึ้น
3. การแต่งกายในวันสอบสัมภาษณ์  เสื้อผ้าที่ใช้แต่งในการเข้าสัมภาษณ์ควรเป็นชุดที่สุภาพสะอาด ดูว่าผู้สมัครให้ความเอาใจใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งรูปแบบและสีสันควรเข้ากันได้กับวัฒนธรรมการแต่งกายของพนักงานในหน่วยงานทีท่านเข้ารับการคัดเลือก
4. ยกมอืไหว้ทักทาย ถ้าผู้สัมภาษณ์จับมือ ให้จับอย่างกระชับอย่างจับนานเกินไป ขณะจับมือให้มองหน้าและยิ้มให้ ก่อนอื่นผู้สมัครต้องให้เวลากับตัวเองที่จะทําให้ตัวให้สบาย การมองรอบๆ ห้องจะทําให้รู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง สบตากับผู้สัมภาษณ์หายใจลึกๆ เว้นระยะ และเตรียมพร้อมที่จะฟังผู้สัมภาษณ์  
5. ท่าทางการนั่งในขณะสอบสัมภาษณ์ให้นั่งสบาย ๆ ไม่ยื่นตัว ไม่ค้ำโต๊ะ นั่งมั่นคง  ก้นชิดหนัก วางแขนไว้ข้างลําตัว อย่านั่งแบบพักผ่อน วางศีรษะนิ่ง อย่าหลบตา แต่อย่าถึงกับจ้องเขม็งขณะผู้สัมภาษณ์พูดให้มองผู้พูดขณะตอบ ให้กวาดสายตามองกรรมการสอบทุก ๆ คน
6. ขณะตอบให้สังเกตว่าผู้สัมภาษณ์สนใจฟังผู้สมัครหรือไม่ ถ้าไม่ฟังให้เปลี่ยนจังหวะการพูด คําแนะนําให้ใช้โดยความระมัดระวั ง ถ้าตอบไปแล้วผู้สัมภาษณ์มีท่าทางสงสัย ให้พิจารณาดูว่าผู้สมัครได้พูดอะะไรไป และเรียนถามผู้สัมภาษณ์ว่าต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีก
8.         เทคนิคในการพูด  
ตอบ      1.  พูดช้าๆอย่าเอามือป้องปากขณะพูด  
2. อย่ากังวลกับการออกเสียงตะกุกตะกักของตัวเอง
3.  ตอบง่ายๆ อย่ายาวมาก พูดเนื้อหาสำคัญๆ ควรอ้างข้อมูลที่ตนเองเคยประสบมาสนับสนุนคําตอบ  
4. ในตอนแรกๆ ให้พูดช้าๆ ระมัดระวั ง จนกว่าได้ผ่อนคลายเต็มที่แล้วจึงพูดจาโต้ตอบไปตามธรรมชาติ  
5. พูดให้มีระดับเสียงสูงต่ำ เน้นความหนักเบาให้มีชีวิตชีวา หรือคอยสังเกตผู้สัมภาษณ์ถ้าเขามีที่ท่าเห็นคล้อยตาม เช่น พยักหน้าให้เปลี่ยนน้ำเสียง เน้นความสนใจของเขาอีกครั้งหนึ่ง หรือไม่เช่นนั้นก็ให้เว้นระยะหนึ่งก่อนพูดต่อ
6. ใช้เวลาในการคิดหาคําตอบแต่อย่านานจนกรรมการทนรอฟังไม่ได้จนต้องพูดแทรกขึ้น
7. อย่าพูดเร็วผู้สัมภาษณ์จะเกิดความรําคาญ และเป็นผลเสียต่อเราเอง เพราะการพูดเร็วขาดการควบคุม อาจทําให้พูดเปิดเผยมากกว่าที่ตั้งใจพูด
8.ระมัดระวังในการพูด ถึงงานอดิเรกหรืองานพิเศษของผู้สมัคร อย่าให้ผู้ฟังเข้าใจว่าผู้สมัครสนใจงานอดิเรก สนใจรายได้พิเศษมาก จนอาจใช้เวลาทํางานไปสนใจกับงานเหล่านั้น จนงานในหน้าที่ต้องเสียหาย
9. ในการตอบคําถามแต่ละครั้งควรมีความยาวอยู่ในระหว่าง 20 วินาที  ถึง  2 นาที  
 
9.         ก่อนที่จะสิ้นสุดการสอบสัมภาษณ์
ผู้สมัครสามารถจะแสดงออกถึงความรู้สึกบางอย่างในขณะที่ ผู้สอบสัมภาษณ์กําลังจะแสดงสัญญาณบางอย่างออกมา ที่มีความหมายถึงการสิ้นสุดการสอบสัมภาษณ์ได้แต่ห้ามแสดความรู้สึกในเชิงต่อต้านออกไป ผู้สมัครจะต้องมีเทคนิคและความรู้สึกที่ดีในการรู้เวลาว่า กาสอบสัมภาษณ์ได้หมดเวลาลงแล้ว ผู้สอบสัมภาษณ์อาจจะนัดหมายกําหนดการสอบสัมภาษณ์อีกครังหนึ่งก็ได้    หรืออาจจะให้ข้อมูลว่าขั้นตอนต่อจากการสอบสัมภาษณ์ จะเป็นขั้นตอนอย่างไรและขั้นตอนต่อไปนั้น ผู้สมัครจะต้องใช้เวลานานเท่าไร
 
10.    แนวคําถามและตอบในการสอบสัมภาษณ์
ตอบ   ผู้สมัครควรศึกษาแนวคำถาม และตอบอย่างคร่าวๆ ว่า คําถามในการสอบสมั ภาษณ์จะเป็ นอย่างไรได้บ้าง และเมื่อเผชิญกับคำถามประเภทนี้  จะต้องตอบในลักษณะใดจึงจะเหมาะสมและมีน้ำหนักพอที่จะทําให้เรามีความโดดเด่นกว่าผู้สมัครรายอื่นๆ ได้